basic trading strategy
1. รู้นิสัยตัวเอง
หาตัวเองให้พบให้เร็วที่สุดแล้วอย่าโกหกตัวเอง ยิ่งพบเร็วยิ่งเสียน้อย
คนเราเล่นหุ้นสั้นยาวไม่เหมือนกัน บางคนวันนึงซื้อขายหลายรอบ บางคนซื้อแล้วเก็บไว้เป็นปี ให้พวกนึงไปเล่นอีกแบบนึงก็คงทรมานใจตาย หาความสนุกอะไรกับการเล่นหุ้นไม่ได้ เพราะฉะนั้นขอให้หาตัวเองให้เจอเร็วๆว่าตนเองถนัดแบบใด
1.1 สำหรับคนเล่นสั้นมากๆหรือพวก day trader ต้องยอมรับความจริงว่าเสี่ยงมากเช่นกัน มันเป็นวิธีเทรดที่ยากที่สุด เรียนรู้เพื่อเอาชนะมันได้ยากที่สุด ถ้าเปลี่ยนตัวเองไม่ได้ก็ต้องมาศึกษาเรื่อง technical analysis อย่างหนักที่สุด เอาให้แม่น เอาให้ advance เลย ไม่มีทางอื่นสำหรับคนเล่นแบบนี้ เมื่อรู้กราฟทะลุปรุโปร่งแล้วจึงมาหัด swing trade strategy วันนึงหุ้นมันจะสวิงได้ 2-4 รอบ ต้องเรียนรู้ที่จะจับจังหวะมันให้ได้ ต้องเรียนรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุด เมื่อไหร่ถึงจะมีโอกาสสู้ชนะ ยิ่งเล่นสั้นยิ่งต้องใช้ความอดกลั้นสูงอย่างที่สุด มีวินัยอย่างที่สุด
สำหรับ day trader
- ห้ามเล่นมั่ว
- ห้ามเสี่ยง
- เวลาพลาดแล้วหลงจังหวะสวิงของหุ้น ต้องหยุดแล้วถอยออกมาตั้งหลัก อ่านเกมส์ให้ขาดก่อนจึงจะกลับเข้าไปใหม่ได้ ห้ามหน้ามืดตามัวคิดเอาคืนเป็นอันขาด เวลาได้ก็ห้ามหลงระเริงลำพองใจ
ถ้าทำตามนี้ไม่ได้ ห้ามเดย์เทรด ทำไปก็เท่ากับเอาเงินไปยกให้เจ้าเปล่าๆ
และถึงที่สุดก็ต้องยอมรับชะตาชีวิตตนเองว่าโดยรวมแล้วเราจะได้น้อยกว่าชาวบ้าน คนที่เดย์เทรดเก่งๆแล้วอยู่ได้ ไม่ใช่เพราะเขาได้เยอะ แต่เป็นเพราะเขาเสียน้อย เวลาเสียเขารู้จักที่จะหยุดยั้งไม่ให้เสียมากได้ เพราะธรรมชาติเดย์เทรด ต่อให้เป็นมือดีๆ ตอดกินได้สิบทีถึงเสียทีนึง แต่ในทีที่เสียถ้าพลาดกลับตัวไม่ทันล่ะจะเสียหนักมากมายจนคืนไอ้ที่กินมาได้ไปจนหมด เพราะฉะนั้นคนที่อยู่ได้คือคนที่เวลาเสียแล้วเสียไม่หนัก อาศัยหากินตอดจ้าวได้ไปวันๆ
ถ้าคุณเล่นสั้น แต่ได้สลับเสีย คุณไม่ใช่เดย์เทรดเดอร์ ผมแนะนำให้คุณไปเล่นป๊อกเด้ง ...ชีวิตจะเลวร้ายน้อยลง
1.2 พวกเล่นสั้นหรือเล่นตามรอบ - กลุ่มนี้ก็ต้องแม่นในเทคนิคัลเช่นกัน อย่างน้อยก็ต้องดูเทรนด์ให้เป็น ดูออกว่าช่วงไหนเทรนด์เข้าไม่เข้า ธรรมชาติหุ้นมันจะวิ่งเป็นรอบๆ ถ้าเอารอบเล็กรอบนึงก็ประมาณ 2-4 สัปดาห์ แล้วจะมีพักปรับฐานซักประมาณครึ่งนึง(ของทั้งระยะทางและเวลาที่มันวิ่งมา) แล้วค่อยวิ่งต่อ มันจะวิ่งไปได้อย่างนี้ไม่ค่อยจะมีเกิน 3-4 รอบ แล้วก็ซึมยาวรอจนกว่าจะมือะไรใหม่ๆมาเปลี่ยนพื้นฐาน ถ้าเปลี่ยนเป็นดีขึ้นก็วิ่งต่อ ถ้าเปลี่ยนเป็นแย่ลงก็กลับเป็นเทรนด์ลง ซึ่งก็จะลงไปในลักษณะคล้ายๆกับตอนขึ้นคือลงเป็นรอบๆเช่นกัน
รอบนึงหุ้นส่วนใหญ่มันจะวิ่งได้ 10-20% ปรับฐาน 5-10% โดยทั่วๆไปตลาดมันจะออกมาประมาณนี้ยกเว้นมีเหตุผิดปกติอะไรมาผสมโรง เพราะฉะนั้นเป้าหมายที่คนเล่นรอบตั้งเป้าได้คือได้กำไรรอบนึง 10% ซึ่งก็จะอยู่ที่ประมาณเดือนนึง ปีหนึ่งๆจะมีอย่างนี้โดยเฉลี่ยแล้วแค่ 3-6 เดือน ฉะนั้นเป้าหมายที่ practical คือกำไรปีละ 30% ดูเหมือนเล่นแบบนี้จะง่ายที่สุดและปลอดภัย แต่ส่วนใหญ่กลายเป็นไม่...เพราะ
- ไปฝืนเทรนด์ ถ้ารักจะเล่นรอบต้องยึดเทรนด์เป็นหลัก ห้ามฝืน ห้ามสู้ในเวลาที่ไม่ควรสู้ ถ้าพลาดแล้วต้องถอยฉากออกมาตั้งหลักทันที ห้ามดื้อ ห้ามอมหุ้น เวลาที่เล่นได้คือเวลาที่หุ้นวิ่งเท่านั้น พอมันปรับฐาน-ขาย พอวิ่งต่อ-ซื้อ พอมันปรับฐาน-ขาย พอมันลง-ถือเงินสด อย่างนี้ไปเรื่อยๆ เล่นอย่างนี้จะเสี่ยงน้อยที่สุด อย่าไปทะลึ่งสู้ตอนมันปรับฐาน อย่าสู้กับเทรนด์ลง(อันนี้ไม่นับพวกเล่นอย่างอื่นนะ) ถ้าไม่แน่ใจว่าตอนนี้เทรนด์อะไรให้กำเงินสด อย่าเพิ่งไปยุ่ง หุ้นน่ะไม่ใช่มะม่วง มันมีให้เราซื้อเสมอ
- เล่นเร็วไป ยังอ่านไม่ออก ยังไม่แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไรก็ไปทะลึ่งซื้อซะแล้ว เวลาขายก็ดันรีบขาย เสี่ยงทั้งทีแทนที่จะกินคำโตกลายเป็นต้องมาตอดเล็ดตอดน้อย แล้วพอพลาดไอ้ที่ได้มาก็หายหมด อันนี้เป็นปัญหาที่เจอบ่อยที่สุดของมือใหม่
- เล่นช้าไป อันนี้มักจะเจอตอนหุ้นปรับตัว ก็ต้องกลับไปที่เทรนด์อีกนั่นแหละ ดูให้ออก ถ้าดูไม่ออกก็เอากำไรไว้ก่อน อย่าไปหวังลมๆแล้งๆว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็คงขึ้น เล่นหุ้นไม่ใช่แทงหวย มันอยู่ที่เราไม่ได้อยู่ที่โคนต้นไม้
เล่นรอบปกติจึงอยู่ที่รอบละ 2-4 สัปดาห์ เดือนนึงจะกลับมากำเงินสดหรือบางคนใช้วิธีปรับพอร์ต(ในกรณีพอร์ตใหญ่มากๆ)แค่ครั้งสองครั้ง ปีๆนึงบางทีก็ถือหุ้นแค่ครึ่งปื ไอ้พวกที่(ตรากตรำทน)ถือหุ้นได้ทั้งกะปีสีกะชาติหรือซื้อๆขายๆมันเรื่อยเปื่อยทุกวันนั้นจึงไม่ใช่พวกเล่นรอบ
พวกนี้จัดได้อยู่ในกลุ่มเดียว ...คือเล่นมั่ว
1.3 พวกถือยาว ยาวเป็นหลายๆปีนะ ไม่ใช่ถือมาแค่เดือนสองเดือนแล้วมาบอกว่ายาวแล้ว...ไอ้บร้า
กลุ่มนี้ต้องศึกษา vi ครับ ผมไม่ค่อยถนัดเล่นแบบนี้ รู้อย่างเดียวแต่ว่าเล่นวิธีนี้เป็นวิธีที่ได้เงินเป็นกอบเป็นกำที่สุด
2. เปลี่ยนนิสัยตัวเอง
หลังจากรู้นิสัยตัวเองแล้ว ถ้าพบว่านิสัยนั้นมันเสี่ยงเกินไป มันทำให้เราเสียหาย ก็ให้ฝึกฝนเปลี่ยนซะ อย่างนิสัยเล่นสั้นๆ ผมเชื่อว่าพวกเดย์เทรดเดอร์นี่ที่เป็นอย่างนั้นเพราะถนัดอย่างนั้นจริงๆนี่มีน้อยมาก ไอ้ที่จะเล่นมันจนเชี่ยวชาญใช้เป็นอาชีพได้คงมีไม่เท่าไหร่ ส่วนใหญ่พวกเดย์เทรดเดอร์ที่ผมเจอคือพวกนิสัยเสียซะมากกว่า
รู้ว่าเสียแล้วก็แก้ไขซะ แก้ไม่ได้ก็ควรเลิก ย้ายบ้านไปอยู่ชายแดนเขมร เข้าบ่อนทุกวันชีวิตยังอาจจะดีกว่า ถ้าเลิกไม่ได้ก็ให้ทำใจรับสภาพซะว่าเราจะเอาเงินมาถลุงกับไอ้นิสัยเสียๆของเรานี่ได้อีกเยอะ
แล้วก็อย่าได้ดูถูกอาซิ่มที่เช้ามาก็ไปเล่นตามห้องค้า จิ่มโน่นจิ้มนี่ไปเรื่อยทั้งวัน ผมเคยเจอมาแล้ว ป้าทั่นเปิดกราฟที 5 หน้าต่าง ตอดจ้าวมันได้ทุกวัน วันละ 2-3 พัน พอได้ครบก็เลิก ไม่มีเล่นต่อ บอกจะไปซื้อกับข้าว ...โคตรมหาเทพปลอมตัวมาในร่างยัยซิ้ม
3. เทคนิคัลคือการเล่นกับจังหวะเวลา
เราซื้อเมื่อควรซื้อ ขายเมื่อควรขาย ราคาเท่าไหร่ไม่เกี่ยวเลยครับ กำไรก็ดี ไม่กำไรก็ดี (แต่ขาดทุนนั้นไม่ค่อยจะดี) ถ้าระบบเราถูกต้อง ผลดีมันจะตามมาเอง จากประสบการณ์ผมแบ่งคนเล่นเทคนิคัลเป็น 3 พวก พวกแรกคือดูแท่งเทียน(รวมทั้งไอ้เส้นทั้งหลายที่แปลงมาจากมัน) สองคือพวกดูกระแสเงิน สามคือพวกดูคลื่น ทั้งหมดจะซื้อเมื่อตอนหุ้นกำลังจะขึ้น ย้ำตามอีกดอกตอนมันยืนยันการขึ้นแล้ว ส่วนอีกดอกเก็บไว้เผื่อเหลือเผื่อขาด จะใช้ตามไม้สุดท้ายหรือใช้แก้สถานการณ์ยังไงก็ตามแต่ ทั้งหมดล้วนเล่นกับการกลับตัวเข้าเทรนด์ เวลาซื้อขายไม่มีใครสนราคา ถ้ามันควรซื้อ แพงก็ซื้อ ถ้ามันควรขาย ถูกก็ขาย
ผมไม่เคยเห็นคนเล่นเทคนิคคนไหนบอกเราจะซื้อหุ้นตรงราคานี้เพราะมันถูกแล้ว แล้วจะไปขายตรงนั้นเพราะได้ราคาดี หุ้นนะไม่ใช่ปลาสลิด...บร้า
เล่นหุ้น...ห้ามเดาราคาเอาเองว่ามันควรเท่าโน้นเท่านี้เป็นอันขาด ผมเห็นใครเดาราคาผมรู้เลยไอ้นี่มั่ว(อันนี้ไม่เกี่ยวกับแนวต้านแนวรับนะครับ) หลักๆของการซื้อขายเลยคือ
- ซื้อเมื่อหุ้นขึ้น ยิ่งขึ้น ยิ่งมั่นใจว่าขึ้นยิ่งซื้อ (เฉลี่ยซื้อขาขึ้น) คนที่เล่นซื้อตอนมันลงนี่คือคนเล่นมั่ว ยิ่งลงยิ่งถัวเฉลี่ยซื้อขาลง แล้วก็ติดหุ้น ก๊ากกกกกกกกกก
- ขายตอนมันเริ่มลง มั่นใจว่าลงแน่ยิ่งต้องขายให้หมด (เฉลี่ยขายขาลง) ผมเห็นแมงเม่าชอบทำตรงข้าม คือไปขายตอนมันขึ้น ขายแล้วก็มาบ่นว่าทำไมชั้นเป็นหมูอู๊ดๆ ...ก็หมูเอง เดินลงหม้อเอง ไม่ได้มีใครเค้าเอาปืนไปจ่อเร้ย
- ผิดจังหวะ ให้เปลี่ยนทันที ถ้ารู้ว่าพลาดต้องยอมทันที อย่าดื้อ ผมมีนิสัยเสียอยู่อย่าง คือซื้อแล้วต้องเขียว เขียวเท่านั้น ซื้อแล้วดันแดง แม้แต่ช่องเดียวผมก็ขาย เวลาขาย ขายแล้วต้องลง ถ้าเราขายแล้วมันดันขึ้นต่อผมตามซื้อ แพงกว่าเดิมก็ซื้อ ผมถือคติพอร์ตผมห้ามมีสีแดง ...เกลียดมาก ผมถือว่านี่เป็นการฝึกตัวเองอย่างหนึ่ง เหมือนนักกีฬาเล่นแล้วต้องชนะ ฝึกให้เคยชินกับการเล่นเพื่อการชนะ ไม่ใช่แดงแจ๋ทั้งพอร์ตมันทุกวี่ทุกวันจนหดหู่และเคยชินกับการแพ้ ...ไม่ดีอย่าทำ
มือใหม่อาจจะไม่ต้องเขี้ยวขนาดผมก็ได้ แต่ควรฝึก ฝึกอย่างนี้จนเราเคยชินกับจังหวะของหุ้น ต่อไปถ้าซื้อทีไรก็เขียว ขายทีไรมันก็ลงต่อ เป็นอย่างนี้ซักอย่างน้อย 4 ครั้งใน 5 ครั้งจึงจะถือว่าเริ่มใช้ได้
เทรดหุ้นทุกครั้งคือความเสี่ยง เพราะฉะนั้นเสี่ยงทั้งทีแล้วต้องได้ให้คุ้ม อย่าไปยอมมันง่ายๆ สู้ๆ
- สำหรับคนที่ชอบอ้างว่าไม่ขายไม่ขาดทุนนั้นคือคนเสียสติ
ไอ้แดงๆที่มันอยู่ในพอร์ตคุณนั้นน่ะคุณเอาเงินซื้อมามั้ย หรือเอาหอยขมไปแลกมา ถ้ามันเป็นเงินแล้วมันจะไม่ขาดทุนได้ยังไง แน่จริงคุณก็เอาไปขายให้มันไม่ขาดทุนให้ดูหน่อยดิ ...จะบ้าเรอะ ขาดทุนอยู่ทนโท่แทนที่จะเอาเงินไปต่อกำไรจากตัวอื่นมาชดเชยที่ขาดทุน กลับมาปล่อยเงินจมปลักอยู่กับหุ้นเน่าๆที่หาอนาคตอะไรไม่ได้ แล้วก็มาอ้างว่าเงินเย็น ไม่ต้องรีบใช้
ไม่กล้าขาย ดื้อไม่ยอมรับความจริง ...มันก็แค่นั้น ถ้าเย็นจริงก็เอาเงินที่จมอยู่ในพอร์ตเน่าๆทั้งหลายนั่นมาให้ยืมหน่อยดิ แล้วเดี๋ยวตอนคืนจะไปซื้อมันกลับมาคืนให้ ...เอาปะ รักนักก้อ เอิ๊กกก
4. ความมั่นใจคือพื้นฐานของการทำกำไร
เมื่อซื้อ ต้องมั่นใจซื้อ
เมื่อขาย ต้องมั่นใจขาย
ไม่ใช่กล้าๆกลัวๆซื้อ ตาลีตาลานขาย ตัดสินใจกับเงินก้อนล่ะเป็นหมื่นเป็นแสนด้วยอารมณ์โลภหรือกลัวมันถูกมั้ยละนั่น ถ้าครั้งไหนที่คุณจะคีย์ซื้อคีย์ขายแล้วยังมีอาการตื่นเต้น ยังมีใจเต้นตุ๊บๆ มีเหงื่อซืมฝ่ามือ ก็ให้ถอยออกมาตั้งสติ ถามตัวเองนี่กรูกำลังลงทุนหรือกำลังจั่วไพ่กันแน่ฟระ
...จะบ้าเรอะ จะซื้อจักรยานให้ลูกซักคันยังดูแล้วดูอีก หาร้านที่มันถูกๆ บริการหลังการขายดี นี่จะซื้อหุ้นตัวนึงอย่างน้อยก็ต้องมี 2-3 หมื่น ดันหลับหูหลับตาจิ้ม จิ้มแล้วบางทียังมีมาภาวนานะ ได้ดีไม่ได้ดี ...ไม่เอา cancel ดีฝ่า ขายแล้วยังมีอาการทุรนทุราย ...ชั้นทำถูกรึป่าวนี่
นี่มันเสี่ยงเซียมซีแล้ว ...ไม่ใช่เทรดหุ้น ลองสังเกตุตัวเองดูดิ ว่าเวลาที่เราเทรดแบบนั้น สติสตังเราแจ่มใสอ่านตลาดออก 100% รึป่าว เล่นแบบนั้นเรามักได้หรือมักเสีย ...คนเล่นหุ้นเป็นน่ะ เขาชัวร์ ชัวร์ก่อนเทรด เทรดอย่างมั่นๆ ฟันกำไรนิ่มๆ ขาดทุนก็จำไว้ ...ก็เท่านั้น เอิ๊กกก
เราสังเกตุกับตัวเอง ทุกครั้งที่เราเทรด ถ้าเรามั่นใจ เรากำไรเกือบทุกครั้ง ถ้าเราไม่มั่นใจ ผลคือ 50:50 เราจึงได้บทเรียนจำขึ้นขมองเลย
...ไม่มั่นใจ ห้ามเทรด
5. การจัดการเงิน สำคัญไม่น้อยกว่าการอ่านตลาดออก
ทีนี้ความมั่นใจมันจะมีได้มันก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นในตัวเองว่าเรารับมือได้ทุกสถานการณ์มั้ย ถ้าเราแทงแบบหมดหน้าตัก เกิดผิดพลาดขึ้นมา เราเอาอยู่รึเปล่า เหตุผลนึงที่คนเล่นหุ้นเป็นเขาเทรดอย่างมั่นใจมาก เพราะเขามีกลยุทธในการเทรด ไม่ใช่แทงได้เสีย...ได้เสีย แล้วก็มีสิทธิเดินใส่เกงลิงตัวเดียวกลับบ้าน ...เล่นอย่างนั้นมันจะเอาความมั่นใจมาจากไหน (ยกเว้นคุณเมายา)
เบสิคเลยคือแบ่งเงินเป็น 3 ก้อน มีทัพหน้า ทัพกลาง ทัพหลัง ทัพหน้าใช้โจมตี ทัพกลางใช้กระหน่ำเลยเวลาได้เปรียบ ทัพหลังใช้หนุนเพื่อชัยชนะเบ็ดเสร็จหรือใช้แก้ไขสถานการณ์เผื่อบางสิ่งไม่เป็นไปตามแผน อย่างน้อยจึงต้องมี 3 ทัพ ไม่ใช่ทุ่มตีมันทีเดียวหมดทั้งตัว เกิดพลาดมาอะไรจะเหลือ ...ใช่ปะ
อันนี้คือพื้นฐานของ DSM ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่ไปแบ่งยิบย่อยเกินอย่างที่หลายคนเข้าใจผิดนะ การเฉลี่ยซื้อ เฉลี่ยขายไม่ได้หมายความให้คุณซื้อทีนึง 10 ตัว เผื่อกำไร 7 ขาดทุน 3 ...อันนั้นคือเหวี่ยงแหมั่วแล้ว เล่นไปทั้งชาติก็ไม่ได้กำไรเป็นน้ำเป็นเนื้อ สำหรับปอดเล็กๆ มีหุ้นแค่ 2-3 ตัวก็พอ(อย่างมากไม่ควรเกิน 5) ขอให้อ่านให้ขาดว่าตัวไหนเป็นอย่างไร อยู่ในระยะไหน
แล้วพอร์ตแค่ไหนล่ะถึงจะถือว่าเล็ก ต่ำล้านผมถือว่าเล็ก ให้เล่นง่ายๆไว้ก่อน เกินกว่านั้นจึงควรมีระบบจัดการซับซ้อนขึ้นไปอีกระดับ(สำหรับคนเล่นปลอดภัย อาจต้องเริ่ม hedging) แล้วเล็กสุดที่พอจะเล่นได้ควรจะแค่ไหน ...จริงๆแค่ไหนก็เล่นได้แหละ แต่ถ้าคิดจากค่าคอมขั้นต่ำวันละ 50 แล้วเราอยากแบ่งพอร์ตออกเป็น 3 ทัพดังกล่าว เทรดทีละทัพไปกลับใน 1 วันไม่ควรจะต่ำกว่าสามหมื่นสาม(ไม่งั้นเสียดายค่าคอม) ทัพนึงก็หมื่นเจ็ด ดังนั้นอย่างน้อยพอร์ตเล็กสุดจึงควรจะอยู่ที่ 5 หมื่น น้อยกว่านี้เล่นแล้วอึดอัด ...เสียเปรียบเค้าเกินไป จะเล่นหุ้นควรมีเงินเย็นเก็บเท่านี้ในการเริ่มจ้า
---
ขอแค่นี้ก่อนเด้อ ...ไว้นึกอะไรออกจะมาเขียนใหม่ โชคดีมีกะตังค์ครับทุกทั่น
เพื่อนๆ เรื่อง "Becoming the hedger" นี่คงต้องอีกสักระยะล่ะนะกว่าผมจะเขียนได้ เพราะถึงตอนนี้เอง ผมว่าผมก็ยังไม่ทะลุปรุโปร่งกับมันเท่าที่ควร
แล้วมันมีประโยชน์เฉพาะกับคนปอดใหญ่ด้วย อย่าง basic ที่สุดเล่น options ควบด้วย (เบื้องต้น futures อย่าเพิ่ง...อันตราย) ถ้าเอาแค่ 1 สัญญาเพื่อทำ return enhancement ด้วยการ covered พอร์ต พอร์ตก็ต้องมีซักแสนสามแล้วเพื่อให้มันล็อคกำไรได้พอดีกัน
แต่ความจริงแค่นั้นมันไม่มีทางพอเลย เพราะมันจะมีสถานการณ์ที่ต้องเติม options ลงไปอีกซีรีส์เพื่อ rollover แล้วถ้าจะให้เซ๊ฟที่สุดต้องมีช่องให้เติม futures ลงไปผสมอีกสัญญา เฟ็กซ์สัญญานึงก็ต้องมี options รองรับ 5 สัญญาละ เบ็ดเสร็จถ้าจะ hedge ให้ได้ครบถ้วนเกือบทุกกลยุทธต้องมีพอร์ตฝั่งเฮดจ์เท่ากับ 10 สัญญา balance กับฝั่งพอร์ตหุ้นก็ต้องล้านสาม เบ็ดเสร็จรวม 2 พอร์ตก็ประมาณ 2 ล้านบวกกับอีก 1 ล้านเผื่อเงินวางไม่พอโดน call margin เป็น 3 ล้าน ในสินธรมีคนเล่นระดับนี้ผมว่ามีแค่ 20% ล่ะมั้ง
แล้วจาก 20% นั่นเค้าจะสนใจการ hedging กันสักกี่คน การเล่นปลอดภัยมันไม่ได้มีแต่วิธีเฮดจ์วิธีเดียวซะเมื่อไหร่ การถือยาวหรือเล่นแบบ DSM เอาเฉพาะกำไรมาหมุนต่อเงินก็ปลอดภัยไม่ได้น้อยกว่ากัน ดังนั้นเขียนไปเขียนมาก็อาจจะไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับใครเท่าไหร่นัก ขนาดตัวผมเองจริงๆก็ยังมีไม่ถึง ยังไม่ได้เล่นแบบนั้นเลย แต่ชอบศึกษาล่วงหน้าเพื่อที่จะได้รู้ทันขาใหญ่ และไว้เผื่อเราจะมีวันนั้นมั่ง ก๊ากกกกก...
ผมถึงบอกไว้ข้างบนว่าพอร์ตต้องซักล้านอัพถึงจะเริ่มมองวิธีเฮดจ์ได้ อันนี้รวมกองทุนด้วยนะ ยิ่งเป็นกองทุนยิ่งต้องใช้เฮดจ์เพราะมันอุ้ยอ้ายกว่าหุ้น จะโยกจะหนีอะไรบางทีก็โคตรช้าเกิน ใครมีพวก LTF RMF เยอะๆแบบผมนี่ควรศึกษาพวก options ไว้มั่งก็ดี
แต่ถ้าจะเอา arbitrage ด้วยเผื่อมีไอ้ทะลึ่งที่ไหนมา manipulate ราคาให้ไม่เข้าท่า จะทิ่มมันให้หน้าหงายได้อย่างปลอดภัยผมว่าสามล้านก็ไม่พอ ต้องมีสิบอัพ ถ้ามีขนาดนั้นล่ะก็ทำกองทุนส่วนตัวได้เลย จะผสมสูตรสร้างตราสารสังเคราะห์ยังไงก็ทำได้ แบ่งเงินเป็น 5 ส่วน covered ทุกตลาด ทั้งตลาดเงิน หุ้น อนุพันธ์ ฟอเร็กซ์ commodities ทีนี้ล่ะมันส์ มันโง่มาเราทิ่มไปแล้วไป covered ในอีกตลาดเผื่อมันทิ่มกลับ ...แทบจะปิดประตูขาดทุน
ผมถึงเตือนมือใหม่เสมอไงว่าอย่าได้สนเลยว่าทำไมจ้าวหรือหรั่งหรือกองทุนบางทีมันดูเหมือนเล่นโง่ๆ มันทำอย่างงี้ทำไม มันทำอย่างโง้นเราควรทำยังไง ...ถ้าไม่เข้าใจก็อย่าไปสนมันเลยจ้า เล่นไปตามระบบของเราน่ะดีที่สุด
เพราะในเกมส์ๆนี้ ตลาดหุ้นมันเป็นส่วนเพียงกระจึ๋งเดียวของเครื่องมือของระบบทุนล่าทุน เงินล่าเงิน ไอ้ที่เรานั่งดูกันอยู่ได้ทุกวี่ทุกวันน่ะเป็นแค่กระจ๊อยเดียวของจ้าวเค้า เค้าลากตรงโน้น ไปทุบตรงนี้นี่เป็นแค่ติ่งเดียวของกลยุทธเค้า การที่มันซื้อไม่ได้แปลว่าหุ้นจะขึ้นเสมอไป การที่มันขายก็ไม่ได้แปลว่าหุ้นจะลงเสมอไป มันไปดักกิน ดักรอตบเราในตลาดฟิวเจอร์ ตลาดฟอเร็กซ์อะไรของมันได้เยอะแยะตาแป๊ะไก๋ เรานั้นแค่เป็นผู้โดยสารอยู่บนเรือน้อยลอยคออยู่ในมหาสมุทรทางเกมส์การเงินอันใหญ่โตไพศาล เกมส์นี้เงินน้อยเสียเปรียบเงินใหญ่เสมอ ฉะนั้นจงเล่นตามระบบ เกาะเค้าไป หากินกับความเป็นจริงทางเศรษฐกิจเพราะจ้าวต่อให้มันใหญ่คับโลกมาจากไหน มันก็ฝืนธรรมชาติไปไม่ได้นานหรอกครับ(ซับไพรม์คือตัวอย่าง)
เราเล่นแบบลงทุนผสมเก็งกำไรแบบนี้เท่านั้นจึงจะมีทางรอด อย่าได้ไปเล่นเสี่ยงแบบการพนันเลย เพราะถ้าจะเล่นหุ้นแบบการพนัน ตลาดหุ้นเป็นเกมส์การพนันที่ห่วยแตกที่สุด เจ้ามือมีแต้มต่อลูกมือเยอะมั่กๆ เยอะกว่าการพนันทุกชนิด ขนาดหวยเลข 2 ตัว 3 ตัวแต่จ่ายแค่ไม่กี่สิบเท่าที่เราว่าทำไมเจ้ามือมันได้เปรียบเราหลายเท่านักฟระ ไอ้นั่นเจ้ามือก็ยังเอาเปรียบเราน้อยกว่าจ้าวหุ้นอีก ใครเล่นหุ้นเป็นการพนันนึ่สำหรับเราจึงว่าโคตรโง่เลย เอาเงินไปเข้าบ่อนเขมรยังมีโอกาสเสียน้อยกว่าเยอะ
เป็นแมงเม่าก็ใช้ข้อดีของการเป็นแมงเม่าให้เป็นประโยชน์ เราตัวเล็ก กลับตัวได้เร็ว จะซื้อจะขายยังไงก็ทำได้เลย แต่จ้าวมันทำไม่ได้...อย่าลืม แค่มันอยากเปลี่ยนตัวเล่นทีมันยังต้องอาศัยการรินขายเป็นเดือน จะซื้อทีก็ต้องดักซื้อกันเป็นปีจึงจะเข้าเป้า มันถึงต้องมีระบบ hedge อะไรของมันพิศดารพันลึกไง เพราะมันทำอะไรไม่ได้ในทันทีจึงต้องมีเครื่องมือประกันความเสี่ยง รักษากำไร อุดประตูขาดทุน เราอาศัยเล่นตามมัน มองอะไรให้ไกลๆเป็นการลงทุนซะหน่อย แต่เวลาจะหนีจะกลับทิศทางยังไงเราก็เร็วกว่าเจ้า ได้เปรียบมันตรงนี้เยอะ ใช้ให้เป็นประโยชน์ ...ไม่ใช่ดื้อแพ่ง อมหุ้นเน่าไว้ได้เป็นปีๆ ทำตัวเป็นเจ้าไปได้ เจ้าที่ไหนมันจะโง่อมหุ้นเน่าๆแล้วหวังว่าสักวันมันจะกลับมาแบบนั้นล่ะ จ้าวนี่ถ้ามันจะทิ้งจริงๆมันทิ้งทุกราคาแหละ ไม่สนห่าไรเลย ...เคยเจอปะ
เป็นแมงเม่าทั้งทีก็ขอให้เป็นแมงเม่าเจียมตัวและใฝ่สันติ เม่ามันสมองน้อยอยู่แล้วยังจะทะลึ่งไปอวดฉลาดแทงได้แทงเสียสู้เค้า ...ก็ตายก็เท่านั้น ตายไปก็แค่เผา แล้วก็มีแต่คนสมน้ำหน้า จะมาหาเหรียญกล้าหาญไรก็ไม่มีใครเค้าสนหรอก ...จำไว้นะจ๊ะ อย่าเล่นหุ้นปั่น
เอิ๊กกกกกกก...สวดยาว
=============================
จากคุณ : แกร๊กกูล่า เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 15:22:09 |
ตอบในฐานะคนเคยทำหุ้น (ลากหุ้น)
Technical ใช้ได้กับบางสถานการณ์ครับ
เน้นดูภาพรวมปลอดภัยที่สุด
จากที่ผ่านมา ตรงไหนแนวรับ แกล้งรับ แล้วปล่อยไหล
ตรงไหน แนวต้าน เติม Offer แหลกลาน พอจังหวะเผลอ
ยก สอง สาม ช่อง สุดท้ายคนก็ตาม
แค่มาแชร์อีกแง่มุมนึงนะครับ
ต่างคน ต่างสไตล์ ขอบคุณครับ ^^
จากคุณ : แกร๊กกูล่า
=====================================
ที่มา: http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I9701979/I9701979.html
สวัสดีครับคุณ แท๊กซี่นิรนาม
ReplyDeleteเสิชหาข้อมูลจาก google เลยได้มาอ่าน ^^
ขอบคุณครับที่แชร์หลายๆเรื่องเลย
อานิสงค์จากวิทยาทานครั้งนี้ขอให้รวยๆ มีสุขภาพดีนะครับ
CPD